Articles
โรคในระบบทางเดินหายใจที่มักพบได้ในสุกร
Knowledge ความรู้ทั่วไปปัจจัยของการเกิดโรคในสุกร เกิดได้จากตัวสุกร เชื้อโรค สิ่งแวดล้อม และการจัดการ หากปัจจัยเหล่านี้มีสภาพที่เอื้อต่อกันแล้ว ปัญหาเรื่องโรคจะเกิดขึ้น เชื้อโรคที่ก่อโรคในสุกรส่วนใหญ่มาจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัส โดยมักจะพบเป็นการติดเชื้อแบบร่วมกัน (Co-infection) เช่น สุกรติดเชื้อไวรัสก่อน แล้วเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งอาจจะเป็นเชื้อไวรัสชนิดอื่นหรือเชื้อแบคทีเรียติดร่วมกันได้ เมื่อสุกรติดเชื้อ สุกรจะสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ถ้าสุขภาพสุกรไม่ดีอยู่แล้ว และ/หรือ สภาพแวดล้อม การจัดการภายในฟาร์มไม่ดี ก็จะเอื้อให้สุขภาพสุกรแย่ลงได้ นอกจากนี้ความรุนแรงของเชื้อโรคก็มีผลได้ทั้งการสร้างความเสียหาย การสร้างภูมิคุ้มกัน และความสามารถในการกำจัดเชื้อ (Georges et al ; 2020)
โรคระบบทางเดินหายใจยังคงเป็นสาเหตุความสูญเสียอย่างมากในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเป็นสาเหตุหลักที่สร้างความเสียหายในสุกรอนุบาล 47.3% และในสุกรขุน 75.1% ของความเสียหายทั้งหมด (United States Department of Agriculture ; 2015) โรคระบบทางเดินหายใจส่งผลให้ผู้เลี้ยงเสียรายได้จากสุกรป่วยและตายเพิ่มขึ้น การเจริญเติบโตลดลง เพิ่มต้นทุนอาหารสัตว์ เพิ่มค่าใช้จ่ายในการรักษา ทั้งค่ายา วัคซีน และค่าแรงงาน (Jeffrey et al; 2019)
รูปที่ 1 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเกิดโรคในสุกร ( ที่มา : ดัดแปลงจาก Review of the speculative role of co‑infections in Streptococcus suis‑associated diseases in pigs. Milan R. Obradovic, Mariela Segura, Joaquim Segalés and Marcelo Gottschalk; 2021.)
โรคในระบบทางเดินหายใจที่มักพบได้ในสุกร
1. โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจซับซ้อน (Porcine Respiratory Disease Complex; PRDC ; พีอาร์ดีซี)
สาเหตุ: เกิดจากการติดเชื้อร่วมกันระหว่างเชื้อไวรัสหลายชนิดหรือเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย โดยมักพบการติดเชื้อร่วมกันระหว่างเชื้อพีอาร์อาร์เอสไวรัส (PRRSv) เซอร์โคไวรัส (PRCV) เชื้อแบคทีเรียมัยโคพลาสมา (Mycoplasma hyopneumoniae) เชื้อแบคทีเรียแอคติโนบาซิลลัส (Actinobacillus pleuropneumoniae) และ เชื้อแบคทีเรียพาสเจอเรลลา (Pasteurella multocida)
การติดต่อ: จากการสัมผัสโดยตรง ละอองฝอยของน้ำมูก น้ำลาย
ปัจจัยโน้มนำ: สุกรได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่สุกรไม่ค่อยสมบูรณ์ ทำให้มีความไวต่อการติดเชื้อต่างๆ ร่วมกับการจัดการที่ไม่ดี เช่น การถ่ายเทอากาศไม่ดี แอมโมเนียสูง การเลี้ยงหนาแน่น
อาการ: สุกรหลังหย่านม โดยเฉพาะในช่วงอายุ 4-6 สัปดาห์ สุกรป่วยจะแสดงอาการซึม มีไข้ ไม่กินอาหาร ไอ หายใจลำบาก อาจพบปลายหู จมูก และ หาง สีม่วงคล้ำ และ ตายได้ สุกรที่ไม่ตายจะป่วยเรื้อรัง โตช้า และจะพบอาการของโรคติดเชื้อโรคอื่นๆ
การรักษา: ให้ยาลดไข้ และ ยาปฏิชีวนะออกฤทธิ์วงกว้าง (เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน) ยาฉีด เช่น เซฟติโอเฟอร์, เอ็นโรฟล๊อกซาซิน, ไทอะมูลิน, อะม็อกซีซิลลิน ยาละลายน้ำ/ผสมอาหาร เช่น อะม็อกซีซิลลิน, ไทอะมูลิน, ลินโคมัยซิน
การป้องกัน: ลดปัจจัยโน้มนำที่กดภูมิคุ้มกัน บำบัดน้ำด้วยคลอรีน ลดความเครียด เลี้ยงไม่หนาแน่น ระบายอากาศดี แอมโมเนียและความชื้นไม่สูง ใช้วัคซีนเพื่อควบคุมและลดความรุนแรงของโรค เช่น วัคซีนพีอาร์อาร์เอส วัคซีนเซอร์โค
รูปที่ 2 ซ้าย : สุกรป่วยด้วยโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจซับซ้อน ; ขวา : ปอดจากโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจซับซ้อน พบลักษณะปอดอักเสบ เยื่อหุ้มปอดหนาตัว
2. โรคปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียมัยโคพลาสมา (Mycoplasma hyopneumoniae)
สาเหตุ: เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มัยโคพลาสมา (Mycoplasma hyopneumoniae)
การติดต่อ: จากการสัมผัสโดยตรง ละอองฝอยของน้ำมูก น้ำลาย
ปัจจัยโน้มนำ: นำเข้าสุกรสาวมากผิดปกติ มีการปรับสภาพไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีการปรับสภาพก่อนเข้าฝูง
อาการ: พบได้ในสุกรหลังหย่านม จนถึงขุน แต่อาการในสุกรหลังหย่านมจะรุนแรงกว่า สุกรจะมีอาการไอแห้ง นั่งท่าหมาหายใจ หายใจหอบ โตช้า แคระแกร็น ขนหยาบ อาจพบข้อบวมร่วมด้วย อัตราการป่วยสูง อัตราการตายต่ำ อาการจะรุนแรงมากขึ้นเมื่อเกิดการติดเชื้อร่วม (พัฒนากลายเป็นโรคพีอาร์ดีซี)
การรักษา: ให้ยาปฏิชีวนะ ยาฉีด ยาละลายน้ำ หรือ ผสมอาหาร เช่น ไทอะมูลิน ไทโลซิน ลินโคมัยซิน
การป้องกัน: ลดปัจจัยโน้มนำที่กดภูมิคุ้มกัน บำบัดน้ำด้วยคลอรีน ลดความเครียด เลี้ยงไม่หนาแน่น การระบายอากาศดี แอมโมเนียและความชื้นไม่สูง ใช้วัคซีนเพื่อควบคุม และลดความรุนแรงของโรค
รูปที่ 3 ซ้าย : สุกรป่วยด้วยโรคมัยโคพลาสม่า ; ขวา : พบรอยโรคปอดอักเสบสีเข้ม แข็ง มักจะพบที่ปอดส่วนหน้า (ที่มา : https://www.msdvetmanual.com/respiratory-system/respiratory-diseases-of-pigs/mycoplasmal-pneumonia-in-pigs)
3. โรคสเตรปโตคอคโคสิส (Streptococcosis)
สาเหตุ: เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก สเตรปโตคอคคัส (Streptococcus suis)
การติดต่อ: จากการสัมผัสโดยตรง ละอองฝอยของน้ำมูก น้ำลาย เชื้อโรคเข้าทางบาดแผลที่เกิดจากการ ตัดเขี้ยว ตัดหู ตัดหางในเล้าคลอด
ปัจจัยโน้มนำ: เล้าไม่ได้พัก ทำความสะอาดและพักล้างคอกไม่เพียงพอ หรือ เล้าคลอดสกปรก
อาการ: พบได้ในสุกรหลังหย่านม จนถึงขุน (มักพบช่วงอายุ 5-8 สัปดาห์) และพบได้ในสุกรแม่พันธุ์ สุกรจะมีอาการไข้ น้ำมูกเหลืองข้น ข้อบวม ชักเกร็งจากภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อัตราการป่วยสูง อัตราการตายต่ำ
การรักษา: ให้ยาปฏิชีวนะ ยาฉีด ยาละลายน้ำ หรือผสมอาหาร เช่น อะม็อกซีซิลลิน, เพนนิซิลิน, แอมพิซิลิน
การป้องกัน: ลูกสุกรต้องได้รับนมน้ำเหลืองอย่างเพียงพอ เล้าคลอดสะอาด มีการล้างพักเพียงพอ กระบวนการตัดเขี้ยว ตัดหู ตัดหางลูกสุกรดี เช่น ฟันเขี้ยวไม่แตก ลดปัจจัยโน้มนำที่กดภูมิคุ้มกัน บำบัดน้ำด้วยคลอรีน ลดความเครียด
รูปที่ 4 ซ้าย : สุกรมีอาการข้อบวม ภายในข้อมีของเหลวสีเหลืองขุ่น; ขวา : พบรอยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หนาตัว
4. โรคปอดและเยื่อหุ้มปอดอักเสบ (Actinobacillosis ; APP)
สาเหตุ: เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แอคติโนบาซิลลัส (Actinobacillus pleuropneumoniae)
การติดต่อ: จากการสัมผัสโดยตรง ละอองฝอยของน้ำมูก น้ำลาย ฟาร์มมีการนำเข้าสุกรที่เป็นพาหะ หรือรับลูกสุกรจากหลายแหล่ง และเลี้ยงหลายอายุรวมกัน
ปัจจัยโน้มนำ: การจัดการที่ไม่เหมาะสม เช่น เลี้ยงสุกรหนาแน่น อากาศในเล้าถ่ายเทไม่ดี มีแก๊สสะสมในโรงเรือนสูง
อาการ: สุกรที่ได้รับเชื้อจะตายรวดเร็วภายใน 12 ชั่วโมง มีอัตราการป่วยและตายสูง > 50% โดยเฉพาะในสุกรขุนช่วง 50-60 กก. มักพบช่วงรอยต่อฤดูฝน และในฟาร์มที่มีการเลี้ยงหนาแน่น สุกรจะแสดงอาการไอแห้ง ไอเป็นจังหวะสั้นๆ หายใจด้วยช่องท้อง อวัยวะส่วนปลายมีสีม่วงคล้ำ พบเลือดออกทางปากและจมูก มีฟองเลือดในท่อหลอดลม มีเลือดในช่องอก ตัวที่ไม่ตายจะกลายเป็นตัวอมโรคและแพร่กระจายเชื้อในฝูง โตช้า ประสิทธิภาพการใช้อาหารไม่ดี
การรักษา: กรณีที่ตายเฉียบพลันจำนวนมาก รีบให้ยาปฏิชีวนะสุกรทุกตัวภายในเล้า ยาฉีด ร่วมกับ ยาผสมอาหาร หรือ ยาละลายน้ำ เช่น อะม็อกซีซิลลิน, เซฟติโอเฟอร์, ทิลมิโคซิน และให้ยาลดไข้ร่วมด้วย จะทำให้สุกรฟื้นตัวเร็วมากขึ้น คัดแยกสุกรป่วยออกทันที สุกรตัวที่ป่วยมากให้คัดทิ้งเพื่อลดการแพร่เชื้อในฝูง
การป้องกัน: นำเข้าสุกรจากแหล่งปลอดโรค เลี้ยงแบบเข้าหมด/ออกหมด ก่อนลงสุกรชุดใหม่ ต้องล้างคอกให้สะอาด ฆ่าเชื้อ พักคอก 5-7 วัน ลดปัจจัยโน้มนำ เช่น การเลี้ยงหนาแน่น การระบายอากาศภายในโรงเรือน
5. โรคแกลสเซอร์ (Glasser’s disease)
สาเหตุ: เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus parasuis
การติดต่อ: ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรง ละอองฝอยของน้ำมูก น้ำลาย
ปัจจัยโน้มนำ: การจัดการที่ไม่เหมาะสม เช่น เลี้ยงสุกรหนาแน่น อากาศในเล้าถ่ายเทไม่ดี มีแก๊สสะสม และความชื้นสูงในโรงเรือน
อาการ : พบมากในสุกรช่วงอนุบาลและสุกรเล็ก สุกรจะไอ หายใจลำบาก ยึดคอ อ้าปาก ใช้ช่องท้องช่วยหายใจ โตช้า ประสิทธิภาพการใช้อาหารไม่ดี
การรักษา : ใช้ยาปฏิชีวนะ ยาฉีด ร่วมกับ ยาผสมอาหาร หรือ ยาละลายน้ำ เช่น อะม็อกซีซิลิน, เพนนิซิลิน, แอมพิซิลิน, ลินโคมัยซิน และ เตตราซัยคลิน
การป้องกัน : เลี้ยงสุกรไม่หนาแน่น การระบายอากาศดี คอกไม่เปียกชื้น ทำความสะอาด และพักเล้าตามโปรแกรม ลดความเครียด ลดปัจจัยโน้มนำที่กดภูมิคุ้มกัน และบำบัดน้ำด้วยคลอรีน
เอกสารอ้างอิง
- Obradovic M, Segura M, Segales J and Gottschalk M (2021) Review of the speculative role of co‑infections in Streptococcus suis‑associated diseases in pigs. Vet Res 52:49.
- Saade G, Deblanc C, Bougon J, Créhan CM, Fablet C, Auray G, Belloc C, Maridor ML, Gagnon CA, Zhu J, Gottschalk M, Summerfield A, Simon G, Bertho N and Meurens F (2020) Coinfections and their molecular consequences in the porcine respiratory tract. Vet Res 51:80.
- https://www.msdvetmanual.com/respiratory-system/respiratory-diseases-of-pigs/mycoplasmal-pneumonia-in-pigs
- https://www.pigprogress.net/health-tool/