กรกฎาคม 14, 2022

ระบบโรงเรือนคืออะไร? แนะนำข้อมูล พร้อมยกตัวอย่างให้เข้าใจ

Knowledge ความรู้ทั่วไป

ระบบโรงเรือนหรือโรงเลี้ยงสัตว์ เป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการปกป้องสัตว์จากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย จัดให้สัตว์มีที่พักที่สะอาดและสะดวกสบายเพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์ และเพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการวางแผนที่ไม่ดี, ขาดความรู้และไม่เหมาะสมส่งผลทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้น และยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นแบบที่คุณอาจไม่รู้ตัว การสร้างที่อยู่อาศัยที่เพียงพอสำหรับสัตว์ จะช่วยเพิ่มการผลิตน้ำนม, การใช้แรงงานที่ดีขึ้น, สุขภาพของสัตว์ดีขึ้น, การควบคุมโรคที่ดีขึ้น, การดูแลและการจัดการสัตว์ที่ดีขึ้นส่งผลทำให้การผลิตนมคุณภาพสูง และทำให้ผลกำไรของฟาร์มดีขึ้น

Betagro 7

ระบบโรงเรือนหรือโรงเลี้ยงสัตว์ มีหลายประเภท

เกษตรกรต้องเลือกระบบที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมและสถานะในท้องถิ่น แนะนำให้คุณลงทุนขั้นต่ำในการจัดหาที่อยู่อาศัยของสัตว์โดยใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่นสำหรับการนำมาก่อสร้างหลังคา, พื้นและผนังโดยไม่กระทบต่อความสะดวกสบายของสัตว์ ซึ่งเราจะมาแนะนำระบบระบบโรงเรือนที่ได้รับความนิยมกัน

1. ระบบโรงเรือนธรรมดา

ระบบนี้จะประกอบด้วยยุ้งฉางและเสา สัตว์ในระบบนี้จะอยู่ในรูปของแท่นและคอจะมีการผูกเชือกแล้วนำไปยึดไว้กับเสา โรงนาทำจากหลังคามุงทั้งหมด และผนังยังมีหน้าต่างทำให้สัตว์หายใจได้แบบเหมาะสม แต่ระบบนี้ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีอากาศหนาวจัด
ข้อดี

  • อากาศโปร่งโล่งสบาย
  • รักษาความสะอาดและควบคุมโรคได้ดีขึ้น
  • ไม่ต้องแยกโรงรีดนม

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นหรือหนาวจัด
  • ไม่สามารถขยายโรงเก็บของได้ในอนาคต

2. ระบบเลี้ยงสัตว์ในคอกแบบเปิด

ระบบนี้จะประกอบด้วยการเลี้ยงสัตว์ในคอกหรือทุ่งหญ้าแบบเปิดโล่งตลอดทั้งวันทั้งคืน ยกเว้นเวลารีดนม คอกข้างสัตว์จะมีที่กำบังอยู่ด้านหนึ่งซึ่งสัตว์จะมาอาศัยตรงนี้เมื่ออากาศร้อนหรือฝนตก

ข้อดี

  • มีราคาถูกกว่า ขยับขยายได้ง่ายกว่า และมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน
  • การให้อาหารทำได้ง่ายขึ้น
  • สัตว์รู้สึกอิสระ
  • สัตว์ได้รับการออกกำลังกายเพียงพอ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีขึ้น

ข้อเสีย

  • ต้องการพื้นที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับระบบโรงเรือนทั่วไป
  • ไม่สามารถดูแลสัตว์แต่ละตัวได้อย่างละเอียด
  • จำเป็นต้องมีโรงรีดนมแยกต่างหาก
  • ไม่เหมาะในช่วงฝนตกหนัก

3. ระบบโรงเรือนแบบอิสระ

ระบบโรงเรือนแบบอิสระ มีการปล่อยสัตว์ให้เป็นอิสระในที่ดินขนาดใหญ่ พื้นที่โดยทั่วไปเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ตามธรรมชาติหรือพื้นที่เพาะปลูก มีจุดให้น้ำและที่พักพิงอยู่ในสถานที่ที่สะดวก การทำฟาร์มประเภทนี้เหมาะกับสัตว์ที่ไม่ได้รับการดูแลทุกวัน เช่น…โคเนื้อ ฟาร์มปศุสัตว์และแกะขนาดใหญ่

ยกตัวอย่างระบบโรงเรือนสำหรับโคนม

ในบทความนี้เราจะมายกตัวอย่างให้คุณเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้นกับการสร้างระบบโรงเรือนสำหรับโคนมซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ได้รับการเลี้ยงมากในประเทศไทย

1. โรงรีดนม / โรงเลี้ยงสัตว์แห้ง
เพิงมีไว้สำหรับทำให้โคนมและโคปกติแยกจากกัน มีลักษณะเป็นเพิงที่เรียบง่ายประกอบด้วยพื้นที่ปิดและคอกข้างเปิดที่อยู่ติดกัน พื้นที่ที่ปกคลุมควรเป็นคอนกรีตซีเมนต์
2. คอกคลอด
สัตว์ที่ตั้งท้องจะต้องย้ายไปอยู่คอกคลอดก่อนกำหนดคลอด 2 – 3 สัปดาห์ จำนวนคอกคลอดที่ต้องการคือประมาณ 5% ของจำนวนแม่พันธุ์ที่ผสมพันธุ์ได้ ขนาด 3×4 เมตร และอีก 3×4 เมตรสำหรับคอกข้างสนามแบบเปิด
3. โรงเก็บหญ้าแห้ง / ฟาง
เพิงที่มีผนัง 3 ด้านจะดีกว่าสำหรับการจัดเก็บหญ้าแห้ง / ฟาง และควรอยู่ห่างจากเพิงสัตว์ เพื่อเกิดไฟไหม้

4. ข้อกำหนดด้านพื้นที่
ต้องมีการจัดสรรพื้นที่ให้อาหารหรือรดน้ำให้เพียงพอ สัตว์ควรอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกสบาย การให้อาหารทางรางหรือรางหญ้าต้องรองรับสัตว์ทุกตัวได้ในคราวเดียว น้ำต้องมีอยู่ในระบบโรงเรือน 10 % จากพื้นที่ทั้งหมด

อาคารระบบโรงเรือนที่จำเป็นแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบใหญ่ ๆ

  • สิ่งก่อสร้างที่สำคัญ เช่น โรงรีดนม, คอกคลอดบุตร, โรงลูกวัว และโรงเลี้ยงสัตว์ป่วย
    ระบบโรงเรือนอาคารเสริม เช่น โรงเรือนสำหรับสัตว์ที่พึ่งมาใหม่ หรือ ใช้ในการเก็บของต่าง ๆ เป็นต้น
  • ความกว้างของพื้นที่ยืนขึ้นอยู่กับขนาดของสัตว์ โดยมีความยาวตั้งแต่ 1.5 – 1.7 เมตร และกว้าง 1.05 – 1.2 เมตร

ความกว้างของทางเดินกลางจะอยู่ที่ 1.5 – 1.8 เมตร มีรางป้อนอาหารที่มีความกว้าง 0.75 เมตร ท่อระบายน้ำรูปตัว U ตื้นกว้างประมาณ 20 ซม. ตั้งอยู่ด้านใดด้านหนึ่งของทางเดินกลาง หลังคาระบบโรงเรือนควรเป็นแบบหน้าจั่ว ชายคาหลังคาควรอยู่ห่างจากผนังด้านข้างอย่างน้อย 50 ซม.

ระบบโรงเรือน หรือโรงเลี้ยงสัตว์ นอกจากจะใช้ในการแยกสัตว์ให้อยู่เป็นสัดส่วนหมวดหมู่แล้ว ในขณะเดียวกันก็ยังต้องทำให้สัตว์นั้นได้อยู่อย่างสบาย ไม่ก่อเกิดการทารุณกรรมและที่สำคัญต้องระวังในเรื่องของการไฟ อย่าตั้งสถานที่เก็บวัตถุที่ติดไฟได้ง่าย ให้ตั้งอยู่ใกล้กับที่ที่สัตว์อยู่เพราะไฟอาจจะลามได้อย่างรวดเร็วและคุณจะสูญเสียสัตว์ของคุณไปทั้งหมด และที่สำคัญคืออย่าลืมใส่ใจในเรื่องของพื้นที่ที่จะตั้งด้วย พื้นที่ตั้งระบบโรงเรือน ไม่ควรจะเป็นพื้นที่ต่ำเพราะว่าในช่วงที่ฝนตกหนักอาจจะทำให้พื้นที่นั้นน้ำท่วมได้และจะก่อให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยของสัตว์หรือการสะสมเชื้อโรค