Articles
10 สัญญาณอันตราย ที่จะทำให้การเลี้ยงสัตว์น้ำเกิดความสูญเสีย
แนวทางป้องกันและควบคุมโรคเกษตรเลี้ยงปลาแบบมืออาชีพ ควรสังเกตอาการของปลาและการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมภายในบ่อ เพื่อจับสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเริ่มเกิดปัญหาขึ้นกับการเลี้ยงแล้ว และวางแผนจัดการแก้ไข อย่ารอจนเกิดปัญหาบานปลาย ปลาตายมาก ป่วยหนัก เพราะหากจัดการปัญหาล่าช้า กว่าจะรู้ แก้ปัญหาได้ ผลผลิตบางส่วนอาจเสียหายหรือทำให้ค่าประสิทธิภาพการผลิตตกต่ำ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ดังนั้นเราควรเรียนรู้เพื่อสังเกตสัญญาณอัตรายกันว่ามีสิ่งใดบ้าง และต้องป้องกัน/แก้ไขอย่างไรให้ทันก่อนสายเกินไป
- ปลาขาดอากาศ ลอยหัวตอนเช้ามืด
- ปลาลอยหัวหุบอากาศ ในตอนบ่าย
- สีน้ำเขียวเข้ม สีน้ำตาล มีซากแพลงก์ตอนตายลอยที่ผิวน้ำมาก
- สัตว์น้ำกินอาหารลดลงผิดปกติ
- น้ำมีค่าความเป็นด่างสูงมากๆ (pH สูงจัด)
- พบปลาตายพร้อมกันจำนวนมาก
- น้ำในบ่อเลี้ยงมีสีดำ มีกลิ่นเหม็น
- น้ำมีสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน
- ปลาตายเมื่ออุณหภูมิน้ำสูงเกิน 32 องศา
- น้ำมีปริมาณไนไตรท์เป็นพิษ
1.ปลาขาดอากาศ ลอยหัวตอนเช้ามืด
มักพบปลาลอยหุบอากาศที่ผิวน้ำจำนวนมาก หรือพบปลารวมกันมากบริเวณทางน้ำเข้าบ่อ แสดงว่าคุณภาพน้ำมีค่าออกซิเจนอยู่ในระดับที่ต่ำ
สาเหตุ
- ระดับออกซิเจนที่ละลายน้ำอยู่ในระดับต่ำ 0-1ppm\
- ปริมาณสัตว์น้ำที่เลี้ยงหนาแน่นสูงเกินกว่าศักยภาพแหล่งน้ำรองรับได้
- ฝนตกฟ้าครึ้มต่อเนื่อง พืชและแพลงก์ตอนผลิตซิเจนได้น้อย
- อินทรีย์สารในน้ำมาก/อาหารเหลือ/น้ำเน่าเสียมีการใช้ออกซิเจนมาก
- แหล่งน้ำมีแพลงก์ตอนพืชหรือสิ่งมีชีวิตอื่นหน่าแน่นสูงเกินไป
- เครื่องให้อากาศชำรุด/ไม่เพียงพอ/ทำงานไม่ได้ประสิทธิภาพ
การแก้ไข
- เพิ่มการให้อากาศ / เพิ่มชั่วโมงทำงาน / เพิ่มจำนวนเครื่องให้อากาศ
- เพิ่มการหมุนเวียนน้ำ / ถ่ายน้ำ-เติมน้ำเข้าบ่อ / เปิดมุ้งกันอาหารในกระชัง
- งดอาหาร หรือลดอาหารลง เพื่อลดอินทรีย์สารในน้ำ/ลดความต้องการออกซิเจนของปลา
- เสริมเกลือแกง ช่วยลดความเครียดปลา/สาดปูนขาวกลางคืน
- ลดความหนาแน่นต่อพื้นที่เลี้ยง/แบ่งใส่บ่อ-กระชังอื่น/ย้ายจุดวางกระชัง
- พิจารณาจับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดตลาดออกขายเพื่อลดความเสี่ยง
2. ปลาลอยหัวหุบอากาศ ในตอนบ่าย
ในตอนบ่ายปกติแสงแดดจัด ระดับออกซิเจนในบ่อมักสูง การพบปลาลอยหัว หุบอากาศที่ผิวน้ำจึงเป็นสิ่งที่ผิดปกติ อาจเกิดจากเหงือกเสียสภาพ หรือ มีสารพิษที่ขัดขวางการแลกเปลี่ยนออกซิเจนของปลา
สาเหตุ
- ค่าแอมโมเนีย, ไนไตรท์ ในน้ำสูง – สารพิษกลุ่มนี้ขัดขวางการรับออกซิเจนของเหงือกปลา
- แพลงก์ตอนตายพร้อมกันปริมาณมากๆ จึงไม่มีการสร้างออกซิเจน และการย่อยสลายเพิ่มการใช้ออกซิเจนของบ่อ
- ฝนตกฟ้าครึ้มติดต่อหลายวัน อาจส่งผลต่อการสังเคราะห์แสงสร้างออกซิเจนของแพลงก์ตอนพืช
- ปลาเหงือกเน่าจากเชื้อตัวด่าง ทำให้ความสามารถในการหายใจลดลง
- อาจมีภาวะการป่วยจากปรสิตที่ทำลายเหงือก/แบคทีเรียในเลือด
การแก้ไข
- เพิ่มการให้อากาศ เพื่อช่วยบำบัดน้ำ ช่วยลดปริมาณแอมโมเนีย, ไนไตรท์
- เพิ่มการเปลี่ยนถ่ายน้ำ10-30% เพื่อลดปริมาณแอมโมเนีย, ไนไตรท์
- งดอาหาร/ ลดอาหาร เพื่อลดความต้องการออกซิเจนหลังกินอาหาร
- เพิ่มการหมุนเวียนน้ำ/เปิดมุ้งกันอาหาร เพื่อให้น้ำดีเข้ามาทดแทน
- เสริมเกลือแกงช่วยลดความเครียด
- รักษาเหงือกเน่าจากเชื้อตัวด่างด้วยการแช่ ฟอมาลีน, ด่างทับทิม, คอปเปอร์ซัลเฟต
3. สีน้ำเขียวเข้ม สีน้ำตาล มีซากแพลงก์ตอนตายลอยที่ผิวน้ำมาก
การที่น้ำมีเมือก มีฟอง อันเกิดจากซากแพลงก์ตอนตายปริมาณมาก แสดงว่าสภาพแวดล้อมในบ่อเริ่มแย่มาก เสี่ยงที่จะขาดออกซิเจนตามมา ส่วนใหญ่เกิดกับบ่อที่มีการจัดการไม่ดี
สาเหตุ
- เลี้ยงปลาหนาแน่นเกิน จึงต้องมีการให้อาหารปริมาณมากๆ อาจมีการให้อาหารเกินความต้องการของปลา
- น้ำมีตะกอน/ อินทรีย์สารแขวนลอยในน้ำมาก เกิดการบดบังแสงกัน ทำให้ไม่สามารถเจริญได้
- เปลี่ยนถ่ายน้ำน้อยเกินไป/ อินทรีย์สารจึงตกค้างในบ่อมาก
- ระบบให้อากาศไม่เหมาะสม/ไม่เพียงพอ ทำให้การหนุนเวียนน้ำไม่ดี
- ขาดจุลินทรีย์ / สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมที่จุลินทรีย์ทำงานในการย่อยสลายอินทรีย์สารในบ่อ
- ขาดการเตรียมบ่อที่เหมาะสม เช่น พื้นบ่อมีเลนหนา ไม่ตากบ่อนานพอที่จะบำบัดของเสีย จึงเกิดปุ๋ย ที่ทำให้แพลงก์ตอนเพิ่มจำนวนและตายอย่างรวดเร็ว
การแก้ไข
- เตรียมบ่ออย่างถูกวิธี เพื่อลดของเสียพื้นบ่อ
- ปล่อยปลาลดลง ให้สอดคล้องระบบการจัดการ และแหล่งน้ำ
- ปรับการให้อาหารให้สอดคล้องน้ำหนักปลา อย่าให้อาหารเหลือ
- งดอาหาร/ ลดอาหาร เพื่อลดอินทรีย์สารสะสมในบ่อ
- เปลี่ยนถ่ายน้ำครั้งละ 30-50% , ปรับรอบการถ่ายน้ำให้เร็วขึ้น
- เพิ่มการให้อากาศในบ่อ ให้จุลินทรีย์บำบัดอินทรีย์สารได้ดีขึ้น
- ปรับ pH น้ำให้เป็นกลางด้วยวัสดุปูน ช่วยให้จุลินทรีย์ทำงานได้
- ใส่จุลินทรีย์บ่อยๆ ช่วยให้การบำบัดน้ำได้อย่างต่อเนื่อง
- เสริมเกลือแกงช่วยลดความเครียดปลา
4. สัตว์น้ำกินอาหารลดลงผิดปกติ
การกินอาหารมักเกิดจากความต้องการสารอาหารของปลา โดยมีขีดจำกัดของกระเพาะอาหาร และคุณภาพน้ำเป็นตัวควบคุม การที่ปลากินอาหารลงลงเสี่ยงที่จะได้สารอาหารลดลง และโตช้า
สาเหตุ
- อุณหภูมิน้ำลดลง <25 องศาเซลเซียส การกินอาหารลดลง เมื่ออุณหภูมิน้ำลดลงถึงจุดหนึ่ง ปลาจะไม่กินอาหาร
- ค่าแอมโมเนีย, ไนไตรท์ สูง กระทบความอยากกิน
- ค่าออกซิเจนในน้ำต่ำ <3ppm กระทบความอยากกิน
- เริ่มมีภาวะการป่วยจากปรสิต/แบคทีเรียในเลือด ปลาจะกินอาหารลดลง และจะหยุดกินอาหารเมื่อป่วยหนัก
การแก้ไข
- งดอาหาร/ ลดอาหาร หากเห็นว่ากินอาหารลดลง เพื่อน้ำจะได้ไม่เสียจากอาหารที่เหลือ
- ประเมินสาเหตุที่ปลากินอาหารลดลง แล้วแก้ไข/ปรับตัวรับ
- อุณหภูมิน้ำลดต่ำลง ปรับลดการให้กินอาหารลดลงตามความต้องการปลา
- ฤดูหนาว อากาศเย็น ควรเสริมไวตามินซี ไวตามินรวม เพื่อกระตุ้นการกิน ลดการขาดสารอาหาร
- เพิ่มการให้อากาศ รักษาระดับออกซิเจนในน้ำ >4ppm
- เพิ่มการเปลี่ยนถ่ายน้ำเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำโดยรวมและกระตุ้นการกิน
- เสริมเกลือแกงช่วยลดความเครียด ลดพิษของแอมโมเนีย, ไนไตรท์
- หากเกิดจากภาวะการป่วยจากปรสิต ให้สาดแช่สารเคมีเพื่อฆ่าปรสิตภายนอก
- หากมีภาวะการป่วยจากแบคทีเรียในเลือด ให้ผสมยาปฏิชีวนะในอาหาร
5. น้ำมีค่าความเป็นด่างสูงมากๆ (pH สูงจัด)
pH ปกติที่ส่งเสริมการเติบโตอยู่ในช่วง 6.5-8.5 หาก pH สูงจัด อาจ >10 เนื่องจากสมดุลย์ตามธรรมชาติในการควบคุม pH ยังไม่เกิดสร้างความเครียดให้กับปลา และทำให้ปลาป่วยได้หากไม่แก้ไข
สาเหตุ
- ส่วนใหญ่เกิดกับบ่อที่ขาดการเตรียมบ่อที่ดี เช่น ไม่ตากบ่อ ไม่หว่านปูนพื้นบ่อ
- น้ำมีแพลงก์ตอนหนาแน่นสูง สีน้ำเขียวสด หรือน้ำใส มีสีเขียวเฉพาะผิวหน้าน้ำ
- น้ำมีค่าอัลคาไลน์นิตี้ต่ำมาก/ขาดการใส่วัสดุปูนอย่างเหมาะสม จึงขาดตัวคุมสมดุลความเป็นกรดด่าง
- แหล่งน้ำใหม่ น้ำฝน น้ำอ่อน น้ำขาดความอุดมสมบูรณ์
- ขาดสมดุลของจุลินทรีย์ในแหล่งน้ำ เนื่องจากการย่อยสลายของจุลินทรีย์จะสร้างสภาพกรดอ่อนมาควบคุมความเป็นกรดด่างของน้ำ
การแก้ไข
- ตรวจสอบน้ำให้ระดับอัลคาไลน์ต้อง >100ppm โดยใส่วัสดุปูนเพิ่ม
- ใส่จุลินทรีย์อย่างต่อเนื่อง
- ใส่กากน้ำตาลเพิ่ม เพื่อส่งเสริมการขยายปริมาณจุลินทรีย์ในบ่อ แต่ต้องค่อยๆใส่ เพื่อลดความเสี่ยงการขาดอากาศฉับพลัน
- เปลี่ยนถ่ายน้ำในบ่อ ด้วยน้ำที่ pH ต่ำกว่า
- เพิ่มการให้อากาศ เพื่อช่วยบำบัดน้ำและให้จุลินทรีย์ทำงานอย่างต่อเนื่อง
6. พบปลาตายพร้อมกันจำนวนมาก
การตายเล็กน้อย ไม่ควรถูกมองว่าเป็นการตายตามปกติ เพราะปกติไม่ควรตาย และเราไม่ควรปล่อยปลาเพิ่มจนแน่น แล้วเผื่อว่าจะมีการตายบ้าง จึงควรรีบหาสาเหตุของการตายให้พบตั้งแต่ต้น ก่อนพบการตายมากๆ
สาเหตุ
- ขาดการเตรียมบ่อที่ดี พื้นก้นบ่อ/แหล่งน้ำ มีตะกอนเน่าเสียสะสมมาก ทำให้ปลาเครียด
- อากาศร้อนจัดแล้วมีฝนตกหนักมาก น้ำเน่าก้นบ่อซึ่งมีไฮโดรเจนซัลไฟล์จะถูกดันขึ้นผิวน้ำ
- ออกซิเจนเริ่มต่ำ ปลาจะลอยหัวและมักทะยอยตาย ก่อนตายพร้อมกันมากๆ
- แอมโมเนีย ไนไตรท์เริ่มสูง ปลาอ่อนแอและปลาทะยอยตาย ก่อนตายพร้อมกันมากๆ
- ไฮโดรเจนซัลไฟล์,ไนไตรท์สูงระดับเป็นพิษ ปลามักตายพร้อมกันจำนวนมาก
- อุณหภูมิน้ำสูงเกินไป ปลาจะลอยหัว อ้าปากค้าง ทะยอยตาย ก่อนตายพร้อมกันมากๆ
- ได้รับพิษจากสารเคมีเกษตรปริมาณน้อยทะยอยตาย หากเข้มข้นจะตายพร้อมกัน
การแก้ไข
- ลด/งดการให้อาหาร พร้อมประเมินสาเหตุการตายและการแก้ไขต้นเหตุ
- เพิ่มการให้อากาศ/ เปิดมุ้งกั้นอาหารในกระชัง
- เปลี่ยนถ่ายน้ำในบ่อ/เพิ่มระดับน้ำเพื่อเจอจางสารพิษ
- ตักปลาตายขึ้นฝั่งทำลายลดการเน่าเสียของน้ำ
- ใส่เกลือแกงช่วยลดความเครียด ลดความเป็นพิษของแก็ซพิษต่าง
- ถ้าเกิดการตายจากสารเคมีการเกษตร ให้สาด EDTA
7. น้ำในบ่อเลี้ยงมีสีดำ มีกลิ่นเหม็น
สีน้ำที่ดำ คล้ำ และมีกลิ่นเหม็นกาซไข่เน่า เรามักพบว่าพื้นบ่อมักเกิดฟองแก็ซผุดขึ้นมาจากก้นบ่อ ดินเลนก้นบ่อมีสภาพดีดำ อันเกิดจากการย่อยสลายอินทรีย์สารแบบขาดออกซิเจน จนเกิดไฮโดรเจนซัลไฟล์ที่เป็นพิษเฉียบพลันกับปลาขึ้น
สาเหตุ
- มีพื้นฐานมาจากการเตรียมบ่อไม่เหมาะสม ไม่ตากบ่อ ไม่พักบ่อ ไม่ลอกเลน
- มีการเลี้ยงปลาหนาแน่น / มีการใช้อาหารปลาปริมาณมาก แต่ขาดระบบการจัดการของเสียก้นบ่อ
- บ่อเลี้ยงเคยแพลงก์ตอนหนาแน่นสูง สีเขียวเข้มมาก่อน ซากแพลงก์ตอนมักเน่าอยู่ก้นบ่อ
- มีการถ่ายน้ำน้อย อินทรีย์สารสะสมในบ่อปริมาณมาก จนน้ำมีตะกอนแขวนลอยมาก บดบังการสังเคราะห์แสงของแพลงก์ตอนพืช ทำให้พื้นบ่อขาดออกซิเจน มีการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน ได้ไฮโดรเจนซัลไฟล์ซึ่งเป็นพิษ
- ไม่มีการให้อากาศที่เพียงพอ ปริมาณออกซิเจนในน้ำต่ำมาก
การแก้ไข
- ลดปริมาณอาหารลง/อย่าให้อาหารจนเหลือ
- รักษาระดับ >pH 7 เพื่อลดความเป็นพิษไฮโดรเจนซัลไฟล์
- ใช้วัสดุปูน ซีโอไลท์ ปูนจับตะกอน ช่วยตกตะกอนอินทรีย์สารลงก้นบ่อ
- ถ่ายน้ำที่ก้นบ่อ เพื่อเอาตะกอนของเสียออกจากบ่อ
- เพิ่มการให้อากาศต่อเนื่อง เพื่อช่วยบำบัดน้ำ
- ใส่จุลินทรีย์อย่างต่อเนื่อง
- ใส่เกลือแกงเพื่อลดความเป็นพิษของ ไฮโดรเจนซัลไฟล์
8. น้ำมีสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน
สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน มักใช้เป็นตัวแทนสภาพแหล่งน้ำที่เริ่มเสื่อมโทรม จนถึงเสื่อมโทรมมาก เมื่อเกิดสาหร่ายชนิดนี้ขึ้น สาหร่ายชนิดอื่นๆจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากขยายพันธ์รวดเร็วและมักตายพร้อมๆกันปริมาณมาก จนทำให้น้ำเสีย และบางสายพันธุ์อาจปล่อยสารพิษที่ทำให้สัตว์น้ำตาย หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
สาเหตุ
- มีพื้นฐานมาจากการเตรียมบ่อไม่เหมาะสม
- มีการเลี้ยงปลาหนาแน่น / มีการใช้อาหารปลาปริมาณมาก
- มีการถ่ายน้ำน้อย อินทรีย์สารสะสมในบ่อปริมาณมาก
- อุณหภูมิสูงจะมีพวกสาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวมาก
- น้ำมีตะกอนแขวนลอยมากแพลงก์ตอนพืชชนิดอื่นเจริญได้ยาก
- ไม่มีการให้อากาศที่เพียงพอ
การแก้ไข
- ลดปริมาณอาหารลง/อย่าให้อาหารเหลือ
- ใช้วัสดุปูน ซีโอไลท์ ปูนจับตะกอน ช่วยตกตะกอนอินทรีย์สารลงก้นบ่อ
- ถ่ายน้ำที่ก้นบ่อ เพื่อเอาตะกอนของเสียออกจากบ่อ
- เพิ่มการให้อากาศต่อเนื่อง เพื่อช่วยบำบัดน้ำ
- ใส่จุลินทรีย์อย่างต่อเนื่อง
9. ปลาตายเมื่ออุณหภูมิน้ำสูงเกิน 32 องศา
อุณหภูมิน้ำปกติ 28-32˚ซ เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต หากน้ำร้อนขึ้น เกิน 32˚ซ สัตว์น้ำต้องปรับตัว ต้องใช้พลังงานมากในการปรับสมดุลย์ของร่างกาย จึงเครียดจัด หากสภาพเช่นนี้ยาวนาน ทำให้อ่อนแอและตายได้
สาเหตุ
- เมตาบอลิซึมของปลาสูงขึ้นเมื่ออุณหภูมิน้ำสูง เช่น การหายใจ, การว่ายน้ำ, การกิน, การย่อยของอาหาร, การขับถ่ายและการเต้นของหัวใจ
- การถ่ายเทและรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้ระบบการควบคุมขับถ่ายน้ำและแร่ธาตุภายในร่างกาย (Osmoregulatory system) ผิดปกติไปทำให้ร่างกายอ่อนแอและตายได้
- แสงแดดจัด อุณหภูมิน้ำสูง แพลงก์ตอนพืช และจุลินทรีย์เจริญมาก
- อุณหภูมิน้ำสูง ทำให้ปลาได้รับสารพิษได้เร็ว
การแก้ไข
- บ่อเลี้ยงปลาระดับให้น้ำควรลึก 1.2-2.0 เมตร
- ควรมีระบบให้อากาศเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ ลดการแบ่งชั้นของน้ำ
- อากาศร้อนควรให้อาหารลดลง
- การเลี้ยง การขนย้ายปลา อย่าให้อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
10. น้ำมีปริมาณไนไตรท์เป็นพิษ
น้ำที่มีไนไตรท์สูง แสดงถึงการย่อยสลายอินทรีย์สาร หรือเศษอาหาร ที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ โดยจุลินทรีย์จะเปลี่ยนเป็นรูปแอมโมเนีย ไนไตรท์ และไนเตรท แต่ถ้ามีระดับออกซิเจนไม่พอการย่อยสลายจะได้ไนไตรท์ที่เป็นพิษกับสัตว์น้ำ แทนที่จะเป็นไนเตรท ที่ปลอดภัยกว่า
สาเหตุ
- บ่อเลี้ยงมีปริมาณอินทรีย์สารสูง อาจเกิดจากเตรียมบ่อไม่ดี หรือเลี้ยงปลาหนานแน่น ให้อาหารมาก และมีการย่อยสลายอินทรีย์สารแบบไม่ใช้ออกซิเจน
- อาจไม่มีการให้อากาศที่มากเพียงพอ อาจมีจุดที่อับอากาศเกิดขึ้นในบ่อ เช่น กลางบ่อ พื้นบ่อ
- อาจมีสภาพแวดล้อมในบ่อที่ไม่เหมาะสมต่อการย่อยสลายสารประกอบไนโตรเจน
การแก้ไข
- เพิ่มการให้อากาศ
- ควบคุมการให้อาหารอย่าให้เหลือ
- เปลี่ยนถ่ายน้ำ เพื่อลดอินทรีย์สารในบ่อ
- เสริมเกลือแกงในระบบการเลี้ยงเพื่อช่วยลดความเป็นพิษของไนไตรท์
- ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมต่อการย่อยสลาย